เหล่าหนุ่มหล่อผู้มาก่อนกาล สไปซ์ บอยส์

เหล่าหนุ่มหล่อผู้มาก่อนกาล สไปซ์ บอยส์


ในยุค 90s เป็นยุคที่ฟุตบอลอังกฤษเริ่มมีความเป็นทุนนิยมสูงขึ้น หลาย ๆ ทีมเริ่มหันมาสนใจในด้านการตลาด ภาพลักษณ์และการสร้างคาแร็คเตอร์ นักเตะต่างชาติเริ่มเข้ามาสร้างสีสัน และนักฟุตบอลหลาย ๆ คนก็มีความเป็นซูเปอร์สตาร์มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นพ่อหนุ่มหน้ามน เดวิด เบ็คแฮม เองก็เป็นหนึ่งในผลผลิตยุคนั้น


และในยุคเดียวกันก็มีกลุ่มนักฟุตบอลกลุ่มหนึ่ง ที่รวมตัวกันเท่อยู่เป็นหมู่คณะ และเท่ทุกครั้งที่ปรากฎตัวออกมา นั่นก็คือกลุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงของทีมลิเวอร์พูล ที่นำโดย เจมี่ เรดแนปป์, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, ฟิล บ๊าบบ์, เจสัน แม็คเอเทียร์, เดวิด เจมส์, สแตน คอลลีมอร์ และ สตีฟ แม็คมานามาน

พวกเขาเหล่านี้คือกลุ่มดาวรุ่งที่ถูกจับตามองว่าจะขึ้นมาแทนที่รุ่นพี่ “เรด แมชชีน” ที่เคยผงาดคว้าแชมป์ลีกในปี 1990 อย่างเอียน รัช และจอห์น บาร์น ที่ตอนนี้อยู่ในช่วงโรยรา โดยรวมจากสิ่งต่าง ๆ แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พวกเขาจะถูกสปอตไลท์ส่องลงมาและพวกเขาเองก็รู้สึกยินดีที่จะอยู่ในแสง แต่บางครั้งมันก็มากเกินไป


ที่มาของคำว่า “สไปซ์ บอยส์” นั้นมาจากสื่อมวลชนที่เปรียบเทียบชีวิตนอกสนามของพวกเขากับกลุ่มเกิร์ลกรุ๊ปหญิงล้วนที่ชื่อว่า “สไปซ์ เกิร์ล” ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็เป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งทุกครั้ง ไม่ต่างจากหนุ่ม ๆ ดาวรุ่งสุดฮอตที่ช่วงนั้นใคร ๆ ก็ดูบอลพรีเมียร์ลีก และความเท่ของพวกเขาก็ส่งผลให้มีเรื่องราวนอกสนามให้สื่อต้องตามรายงานเสมอ บางครั้งถึงขั้นที่มีบางคนในกลุ่มโดดซ้อมเพื่อไปรับงานพรีเซนเตอร์สินค้าก็ยังทำมาแล้ว สไปซ์ บอยส์ มีส่วนที่คล้ายกับสาว ๆ สไปซ์ เกิร์ล มากเหลือเกิน จนบางครั้งพวกเขาอาจจะลืมไปว่าอาชีพหลักของเขาคือการเป็นนักฟุตบอล


เรื่องนี้จะไม่มีปัญหาตามมาถ้าหากว่าผลงานในสนามของพวกเขาดี แต่ทว่าผลงานของลิเวอร์พูลในยุคถ่ายเลือดนั้นกลับไม่ดีเท่าชื่อเสียงนอกสนาม อีกทั้งทางด้านฝั่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเองก็มีกลุ่มนักเตะที่ได้ชื่อว่า “คลาสออฟ 92” ที่ทำผลงานพาทีมปิศาจแดงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ นั่นทำให้ “สไปซ์ บอยส์” หลายคนถูกเปรียบเทียบกับทีมฝั่งตรงข้าม จนแฟนบอลเองก็คิดว่าพวกเขาเล่นบอลแบบห่วงหล่อกันมากไปหรือไม่ ?


สิ่งที่ตอกย้ำถึงความสามารถของเหล่า “สไปซ์ บอยส์” ก็คือในนัดชิงถ้วยเอฟเอ คัพส์ ในปี 1996 ซึ่งเป็นถ้วยเก่าแก่ของอังกฤษ ตามธรรมเนียมนักเตะจะต้องสวมสูทลงไปในสนามก่อนจะกลับไปเปลี่ยนชุดเพื่อแข่งขัน ฝั่งปิศาจแดงเองก็มาในสูทสีดำ รองเท้าคัทชูเรียบ ๆ ปกติ แต่ทางด้านของฝั่งลิเวอร์พูลที่ถูกเหมาว่าเป็นพวก “สไปซ์ บอยส์” นั้น เดินเข้าสนามด้วยชุดสูทสีขาวหรูหราที่ได้รับการเนรมิตจาก อาร์มานี่ หนักไปกว่านั้นก็คือพ่อหนุ่ม เจมี่ เรดแนปป์ ยังสวมแว่นตาดำสุดเท่เดินเข้าสนามมาด้วย


น่าเสียดายความเท่นี้คงจะถูกพูดถึงไปอีกนานถ้าหากว่าพวกเขาเอาชนะเกมนี้ได้ แต่ไม่เลยพวกเขาพ่ายแพ้ทีมปิศาจแดงไปด้วยสกอร์ 1-0 จากนั้นชุดหล่อจากอาร์มานี่ และหนุ่ม ๆ สไปซ์ บอยส์ ก็ถูกกล่าวขานว่า ความหล่อนี้ไม่สามารถทำให้แฟน ๆ มีความสุขได้ และคำว่า สไปซ์ บอยส์ ก็ไม่ใช่ชื่อที่ถูกเรียกในแง่ดีอีกต่อไป 


แต่หากจะให้มองเป็นกลางแล้วไม่ใช่ว่าพวกเขาไร้ฝีมือและสนใจเพียงแต่เรื่องนอกสนาม ตรงข้ามกันพวกเขาคือชุดแห่งความหวังอย่างปฎิเสธไม่ได้เพียงแต่ในยุคสมัยนั้นลิเวอร์พูลเองก็ขาดผู้นำที่เด็ดขาด และจะให้เปรียบเทียบกับปิศาจแดงที่มีเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นคนคุม คิดว่าความเนี้ยบและวินัยน่าจะต่างกันจนเทียบไม่ติด จึงไม่แปลกที่หนุ่ม ๆ จะหลงทิศหลงทาง


มองในอีกแง่ สไปซ์ บอยส์ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของวัฒนธรรมและเริ่มทำให้นักเตะยุคหลัง ๆ สร้างคาแร็คเตอร์ของตัวเองให้มีความหล่อ, เท่ และโดดเด่น เพราะสุดท้ายแล้วในยุคนี้ภาพลักษณ์ คือ สิ่งที่ขายได้เสมอ พวกเขาส่งอิทธิพลต่อนักฟุตบอลในยุคหลังจากนั้นมากจริง ๆ ไม่ใช่แค่อังกฤษ แต่ส่งอิทธิพลไปทั่วโลก ซึ่งในปัจจุบันก็ยังไม่มีสูทของนักเตะคนไหนที่เท่เท่ากับสูทสีขาว อาร์มานี่ ของเหล่า “สไปซ์ บอยส์” อีกแล้ว.


ดูข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ : Goalstorm

ความคิดเห็น